ระบบระบายความร้อนของรถยนต์นั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากเลยทีเดียว
หม้อน้ํารถยนต์ คือ ตัวช่วยระบายความร้อนในการทำงานของเครื่องยนต์ โดยทั่วไปแล้วจะใช้น้ำเป็นตัวระบายความร้อนซึ่งเราจะต้องคอยดูระดับน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเสมอ เพื่อให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และถ้าเป็นไปได้ละก็ ควรตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำทุกวันก่อนสตาร์ทรถค่ะ ถ้าไม่สะดวกทุกวัน จะดูสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละครั้งก็ได้ อย่าลืมนะคะว่า บ้านเราอากาศร้อนเวลาขับรถไปไหนยิ่งรถติดด้วยแล้วละก็ระบบการทำงานก็ยิ่งทำงานหนักเพิ่มมากขึ้นไปด้วย
ค้นหารถมือสอง คัดสวยๆ เกรด A++
ลองพิมพ์ คำค้นหา เช่น วีออส | ซีวิค | วีโก้ เป็นต้น
หม้อน้ำรถยนต์ มีลักษณะเป็นแผงรูปสี่เหลี่ยม มีช่องระบายความร้อน ส่วนภายในหม้อน้ำนั้นก็จะมีน้ำที่ผสมน้ำยา Coolant ซึ่งมีประโยชน์ช่วยในปรับอุณหภูมิน้ำไม่ให้สูงเกินไป ซึ่งนับได้ว่าเป็นปัจจัยหลักๆ ของเครื่องยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะถ้ามีความร้อนสะสมในขนาดที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน และยังบวกกับสภาพอุณหภูมิอากาศภายนอกที่ร้อนอีก หากว่าระบบระบายความร้อนได้ดี หรือเกิดมีปัญหา อาจจะทำให้เครื่องยนต์น็อคได้
วิธีแก้หม้อน้ํารถยนต์
แค่จัดการเติมน้ำยาหล่อเย็นเข้าไป จนให้ถึงสัญลักษณ์ Max (ขีดบน) และหากเราเติมเยอะเกินไปจนเลยขีด Max ควรดูดออก เพราะเวลาเครื่องยนต์ร้อน น้ำจะเดือด ซึ่งอาจทำให้น้ำล้นออกมาจากหม้อน้ํารถยนต์ได้
ในการตรวจเช็คระดับน้ำในหม้อน้ํารถยนต์และหม้อพักนั้น สามารถเช็คบ่อยครั้ง ยิ่งเช็คได้ทุกวันก่อนการใช้รถยิ่งดี เพราะเราจะได้ทราบว่ารถเราผิดปกติหรือไม่
ระบบระบายความร้อนรถยนต์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถือว่าเป็นหัวใจหลักของเครื่องยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความร้อนสะสมในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน บวกกับอุณหภูมิภายนอกที่ร้อน หากระบบระบายความร้อนไม่ดีหรือมีปัญหา อาจทำให้เครื่องยนต์น็อคได้ เรามาดูวิธีการตรวจเช็คหม้อน้ำที่ถูกต้องกันค่ะ
วิธีการตรวจเช็คระดับหม้อน้ํารถยนต์ที่ถูกต้อง
เราสามารถตรวจเช็คระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำรถยนต์ได้ในขณะที่เครื่องเย็น (ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำตอนเครื่องร้อนเด็ดขาด) วิธีเช็คเพียงแค่เปิดฝาหม้อน้ำดู แล้วสังเกตปริมาณระดับน้ำในหม้อน้ำ ซึ่งน้ำจะต้องเต็ม หากตรวจเช็คแล้วพบว่าปริมาณน้ำลดลงไป ก็จัดการเติมน้ำยาหล่อเย็นให้เต็ม(หาซื้อได้ตามร้านขายอะไหล่ทั่วไป และศูนย์บริการ) และให้สังเกตสีของน้ำยาหล่อเย็นของเดิมที่อยู่ในหม้อน้ำรถยนต์ หากสีเปลี่ยนไปจากเดิมเช่น น้ำเริ่มเป็นสีสนิม ก็ควรเข้าศูนย์บริการ เพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็น
วิธีตรวจเช็คน้ำในหม้อพักของหม้อน้ํารถยนต์
วิธีเช็คให้สังเกตที่หม้อพักน้ำยาหล่อเย็น จะมีสัญลักษณ์บอกระดับน้ำคือ Min และ Max หากน้ำอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า Min (ขีดล่าง) คือน้ำน้อยเกินไป ถือว่าอันตราย เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ฮีตได้ วิธีแก้ก็แค่จัดการเติมน้ำยาหล่อเย็นเข้าไป จนให้ถึงสัญลักษณ์ Max (ขีดบน) และหากเราเติมเยอะเกินไปจนเลยขีด Max ควรดูดออก เพราะเวลาเครื่องยนต์ร้อน น้ำจะเดือด ซึ่งอาจทำให้น้ำล้นออกมาได้
ในการตรวจเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำและหม้อพักนั้น ควรหมั่นเช็คบ่อยๆ หรือเช็คทุกวันเลยยิ่งดี เพราะเราจะได้ทราบว่ารถเราผิดปกติหรือไม่ เช่นสมมติว่า วันนี้เราเติมน้ำจนได้ระดับที่พอดีแล้ว แต่พอวันรุ่นขึ้น ปรากฎว่าน้ำที่เติมไปลดหายอีกแล้ว หากเป็นกรณีนี้ สันนิษฐานได้เลยว่า ต้องเกิดความผิดปกติอะไรสักอย่างกับรถของเรา เช่นหม้อน้ำรั่ว ,ท่อยางแตก ,พัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน ,ประเก็นแตก ,ฝาโก่ง เป็นต้น และขณะขับรถให้เราหมั่นมองไปที่เกจ์ความร้อน หากความร้อนขึ้นสูงกว่าปกติ ให้รีบจอดรถทันที ห้ามฝืนขับต่อเด็ดขาด
น้ำในหม้อน้ำควรอยู่ระดับไหน ?
หม้อน้ำส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นกระปุกขาวๆ มีน้ำอยู่ข้างใน บางทีก็เป็นน้ำสีชมพู ตรวจดูว่าน้ำในหม้อน้ำอยู่ในระดับไหน จะมีระดับตัวอักษร B, F, L อยู่ ให้เติมอยู่ในระดับ F เท่านั้น ห้ามเกิน B และห้ามให้น้ำลดเกิน L และควรเช็คระดับน้ำเป็นประจำอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง
วิธีการดูแลหม้อน้ำรถยนต์
- หมั่นตรวจสอบระดับน้ำ สภาพสีของน้ำ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ทั้งนี้รวมไปถึงการตรวจสอบพัดลมหม้อน้ำ สายพาน และท่อยางต่าง ๆ ด้วยนะคะว่ามีสภาพที่ปกติและระบบการทำงานยังดีอยู่หรือไม่
- พยายามสังเกตดูใต้ท้องรถยนต์ของเราให้ดีว่า มีคราบน้ำยาหล่อเย็น หรือน้ำยาหม้อน้ำ หยด หรือมีคราบไหลอยู่ตามหม้อน้ำรถหรือไม่
- หากขับรถอยู่ดี ๆ แล้วความร้อนขึ้นสูงผิดปกติละก็ ให้รีบตรวจสอบระดับน้ำที่หม้อพักน้ำโดยทันทีว่า ปริมาณน้ำที่มีนั้นลดลงหรือไม่ นอกจากนี้ให้ตรวจสอบในส่วนอื่น ๆ ด้วยนะคะว่ายังทำงานดีอยู่หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น พัดลมไฟฟ้า เป็นต้น
- สังเกตด้วยตาว่า ปริมาณน้ำในหม้อน้ำนั้นมีปริมาณลดลงหรือไม่ ถ้าตรวจสอบแล้วปริมาณลดลงหายไปอย่างรวดหรือ หรือต้องเติมน้ำบ่อยกว่าปกติละก็ ให้ดูตรงที่พักในหม้อน้ำว่ารั่วหรือไม่อย่างไร
หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดปกติ หรือว่าดูแล้วไม่แน่ใจละก็ แนะนำให้นำรถไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อใจและไว้ใจได้นะคะ จะได้ไม่โดนหลอก ที่สำคัญที่สุด อย่าลืมเปลี่ยนถ่ายน้ำในหม้อน้ำกันทุก 4 เดือนนะคะ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานรถยนต์ ประหยัดเงินเพราะไม่ต้องมาเสียเงินค่าซ่อม อีกทั้งยังเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานรถของเราได้อีกด้วยค่ะ
หม้อน้ำรถยนต์มีอยู่ 3 แบบด้วยกันคือ
1. หม้อน้ํารถยนต์ชนิดอลูมิเนียมฝาเป็นพลาสติก
- ข้อดีคือ มีราคาถูกและส่วนมากค่ายรถยนต์ต่างๆจะติดตั้งมาจากโรงงานเพราะมีน้ำหนักเบา ระบายความร้อนได้ดี ไม่อมความร้อน ไม่เป็นสนิม
- ข้อเสียคือ หากเกิดการแตกหรือรั่วซึมตรงรอยต่อระหว่างพลาสติก โดยส่วนมากต้องเปลี่ยนทันทีไม่สามรถซ่อมแซมแก้ไขได้
2. หม้อน้ํารถยนต์ชนิดอลูมิเนียมล้วน
- ข้อดีคือ มีน้ำหนักเบาและผลิตมาจากอลูมิเนียมจึงทำให้ระบายความร้อนได้ไว มีความทนทาน ไม่เป็นสนิม
- ข้อเสียคือ ถ้าเกิดการรั่วซึมของหม้อน้ำอาจจะซ่อมแซมไม่ได้
3. หม้อน้ํารถยนต์ชนิดทองแดง
- ข้อดีคือ มีความหนาและแข็งแรง หากมีการรั่วซึมสามารถซ่อมแซมได้
- ข้อเสียคือ ระบายความร้อนได้ช้ากว่าแบบอลูมิเนียม อมความร้อน มีน้ำหนักมากกว่าแบบอลูมิเนียม ราคาค่อนข้างแพงจึงไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
บทส่งท้าย ข้อควรระวัง
- ไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำขณะเครื่องยนต์ร้อน เพราะน้ำที่กำลังเดือดอาจพุ่งใส่ในขณะที่เปิดฝา
- น้ำที่เติม ควรเป็นน้ำยาหล่อเย็นที่ใช้สำหรับเติมในหม้อน้ำไม่แนะนำให้ใช้น้ำประปา เพราะในระยะยาว อาจก่อให้เกิด ตะกรัน และสนิมในหม้อน้ำ
หากเราหมั่นตรวจสอบ และสังเกต เมื่อพบปัญหาก็จะสามารถแก้ไขได้ไว แต่หากเราขับอย่างเดียว ไม่ตรวจเช็คเลย อาจทำให้ปัญหาเพียงแค่เล็กน้อย ลุกลามจนทำให้เครื่องพัง หรือทำให้เกิดอุบัติเหตุต่างๆได้
ค้นหารถมือสอง คัดสวยๆ เกรด A++
ลองพิมพ์ คำค้นหา เช่น วีออส | ซีวิค | วีโก้ เป็นต้น