เบาะรถยนต์ เป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งในรถที่ต้องการ ๆ ดูแลเป็นพิเศษเช่นเดียวกันกับอุปกรณ์อื่นๆในรถ ซึ่ง เบาะรถยนต์ นั้นก็มีวัสดุให้เลือกอยู่สองแบบด้วยกัน นั่นก็คือเบาะที่เป็นหนัง และเบาะผ้า แต่เนื่องจากเป็นวัสดุที่ต่างกัน การดูแลรักษาก็มีความต่างกันอย่างแน่นอน ส่วนวิธี การดูแลรักษาเบาะ รวมไปถึง วิธีการทำความสะอาด จะต่างกันหรือไม่มาดูกันเลยค่ะ
เบาะหนัง
รูปเเบบเบาะประเภทหนัง ถือว่าเป็นเบาะรถยนต์ที่มีราคาค่อนข้างแพงกว่าเบาะประเภทอื่นๆ และมีวิธีดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก แต่รู้ไหมว่าพวกสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองมักสะสมอยู่ตามซอกหลืบ รอยพับ ตะเข็บ และเส้นใยของเบาะ ซึ่งส่งผลให้ผิวหน้าของหนังแตกยุ่ยก่อนเวลาอันควร โดยเฉพาะพวกเศษกรวด เศษทราย ที่ทำให้หนังเป็นรอยได้ง่ายๆ
วิธีดูแลรักษาเบาะหนัง
- ใช้ผ้าหรือไม้ขนไก่ปัดฝุ่นออกจากเบาะหนังเป็นประจำแม้ว่าจะไม่มีฝุ่นเกาะก็ตาม หรือหากมีเวลาให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นมาดูดสิ่งสกปรกออกจากเบาะก็จะช่วยให้สะอาดยิ่งขึ้น
- หากเบาะเปื้อนหรือเลอะคราบสกปรก ให้ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่ หรือน้ำยาทำความสะอาดเบาะหนังโดยตรง ค่อยๆ เช็ดและถูลงไปจนกว่าคราบจะออก จากนั้นใช้ผ้าเช็ดเบาะให้แห้งสนิท
- หากทำน้ำหกใส่เบาะหนัง รีบใช้ผ้าเช็ดให้แห้งทันที ถ้าปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งเอง อาจทำให้เบาะหนังเป็นเชื้อราได้ หากมีเวลาสามารถเข้าศูนย์บริการเพื่อทำความสะอาดเบาะ หรือทำสปาเบาะเพิ่มเติมได้
- ใช้น้ำยาเคลือบเบาะหนังเช็ดทำความสะอาดเพื่อเป็นการบำรุงเบาะหนังให้มีความเงางามและคงทน แต่ควรระวังการใช้น้ำยาผิดประเภทเพราะอาจทำให้เบาะเสียได้
ประเภทต่อไป เบาะไวนิลหรือเบาะหนังเทียม
เบาะไวนิล หรือเบาะหนังเทียม ก็เป็นเบาะรถยนต์อีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยม เพราะมีราคาไม่แพง ทนทาน สกปรกยาก ทั้งยังมีวิธีดูแลรักษาไม่ค่อยยุ่งยาก ทำความสะอาดง่าย
เบาะไวนิล หรือเบาะหนังเทียม จะต้องดูเเลรักษาอย่างไร ?
- ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ เช็ดจุดที่สกปรก แต่ถ้ายังเช็ดไม่ออกให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดพลาสติกเช็ดแทน
- ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเศษฝุ่น เศษทรายที่ตกค้างตามร่องเบาะและรอยพับ จะช่วยให้เบาะไวนิลสะอาดและคงทนขึ้น
- ถ้าน้ำหกใส่เบาะ ให้ใช้ผ้าเช็ดออกให้แห้งทันที ถ้าปล่อยไว้นาน จะทำให้เบาะชื้นและขึ้นราได้
เบาะผ้า
เบาะผ้า ถือเป็นเบาะรถยนต์ที่สกปรกง่าย และทำความสะอาดได้ค่อนข้างยาก ทั้งยังแหล่งสะสมฝุ่นรวมถึงเชื้อโรคได้ดีอีกด้วย แต่ถ้าเราหมั่นทำความสะอาด และดูแลรักษาเบาะผ้าเป็นประจำ ก็จะทำให้เบาะผ้าให้มีความสะอาดและสามารถใช้งานได้นานๆ
- หากเบาะผ้ามีคราบสกปรก ให้ใช้แปรงสีฟันชุบน้ำค่อยๆ ขัดบริเวณรอยเปื้อน จากนั้นใช้กระดาษทิชชู่ซับน้ำให้แห้ง และโรยแป้งฝุ่นทับอีกครั้งเพื่อซับความชื้น
- ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดเบาะผ้าเพื่อดูดเศษฝุ่นและสิ่งสกปรกที่สะสม แต่ถ้าเบาะรถยนต์เลอะและสกปรกมาก อาจใช้บริการร้านคาร์แคร์ให้ซักเบาะผ้าให้
- ใช้ผ้าคลุมเบาะที่เคลือบสารกันของเหลว หรือสารกันน้ำ เพื่อป้องกันเบาะเปื้อนโดยตรง
เชื้อโรคจาก เบาะรถยนต์
มีการวิจัยเกี่ยวกับเชื้อโรคที่มาจากฝุ่นละออง ในรถยนต์ที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดภายในเลยเป็นเวลานานหลายปี พบว่า ฝุ่นละอองเหล่านี้ จะแฝงตัวตามเบาะนั่ง พนักพิง และพรมตามพื้น โดยการสำรวจเชื้อโรค ที่พบจากการนำเอาจุลินทรีย์ ไปเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการ เป็นเชื้อแบคทีเรีย 18 ชนิด เชื้อรา และอื่นๆ อีก 20 ชนิด ทั้งนี้ เชื้อแบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดอันตราย ทำให้มีอาการของโรคต่างๆ เช่น เชื้อคริพทอคโคซิส นีโอฟอร์แมนส์ (CRYPTOCOCCOSIS NEOFORMANS) เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะค่อยๆ สะสม ก่อให้เกิดโรคปอด หากเข้าสู่กระแสโลหิต จะมีผลต่ออวัยวะในส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย เช่น ที่ระบบประสาท กระดูก และข้อ รวมถึงบริเวณผิวหนังและเยื่อบุด้วย
นอกจากนั้น ยังมีแบคทีเรีย อัลคาลีจีนส์ เอสพี (ALCALIGENES SP) เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อในเลือด ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ และระบบทางเดินปัสสาวะ ส่วนเชื้อ อี โคไล ( E COLI ) ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วง ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ไส้ติ่งอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ แผลติดเชื้อ และโลหิตติดเชื้อ หากเป็นเชื้อ ซูโดโมเนส เออรูจิโนซา (PSEUDOMONAS AERUGINOSA) เป็นเชื้อประเภทฉวยโอกาสที่จะทำให้เกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะเช่นกัน โลหิตเป็นพิษ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดอักเสบ หนองฝีต่างๆ และโรคตาอักเสบ เป็นต้น
เคล็ดลับขจัดคราบ
- การดูดกลิ่น ให้ใช้ผงฟู หรือแป้งข้าวโพดโรยบนเบาะหรือพรม ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก แต่ถ้ากลิ่นติดแน่นให้โรยทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วจึงดูดออก
- การขจัดคราบเลือด ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นเช็ดเบาๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด
- การเกิดคราบเหนียวเหนอะหนะ ใช้ผงฟูทาทับรอยเปื้อน ใช้มือถูเบาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงเช็ดออก ทาซ้ำอีกถ้ารอยเปื้อนยังไม่หมด
- ประเภทคราบไขมัน ใช้แป้งข้าวโพดทาทับรอยเปื้อน ทิ้งไว้สัก 1 ชั่วโมง จากนั้นเช็ดออก
- จุดสีดำ เป็นเม็ดเล็ก คราบเขม่า หรือเถ้าถ่าน ให้ใช้เกลือทาทับบางๆ แล้วเช็ดออก
- รอยคราบปัสสาวะของเด็ก หรือสัตว์เลี้ยง เช็ดด้วยน้ำธรรมดา 1 ครั้ง จากนั้นใช้น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับสบู่เหลว 1 ช้อนชา เช็ดถูบริเวณรอยเปื้อน ทิ้งไว้ 15 นาที จึงเช็ดออก
วิธีการทำความสะอาด เบาะหนัง
เบาะหนัง จะเป็นเบาะที่มีราคาที่แพงกว่า แต่การดูแลรักษากลับง่ายกว่า เบาะผ้า เสียอีก และขั้นตอนการดูแลรักษานั้นก็มีดังนี้
- การขจัดคราบเลอะได้ด้วยน้ำยาทำความสะอาด หรือว่าสิ่งใกล้ตัวเช่นน้ำสบู่สามารถใช้ได้เช่นกัน เพียงแค่ใช้ผ้าชุบน้ำยาแล้วถูลงไปที่คราบสกปรก
- เช็ดเบาะให้แห้ง แล้วหลังจากนั้นให้ลง น้ำยาเคลือบเบาะเพื่อความเงางาม ควรเลือกใช้น้ำยาเคลือบเบาะรถยนต์โดยเฉพาะ เพราะบางทีหนังที่ใช้อาจจะเป็นคนละแบบกัน ถ้าหากใช้น้ำยาผิดประเภท อาจจะส่งผลเสียต่อสภาพผิวเบาะได้
- การปล่อยให้เบาะเปียกชื้นนานๆ ถือเป็นการทำร้ายเบาะอย่างชัดเจน เเละอายุการใช้งานก็จะสั้นลง ดังนั้นการรีบทำความสะอาด และทำให้แห้งอย่างเร็วที่สุดถือเป็นสิ่งที่ควรทำ
มาต่อด้วยวิธีการทำความสะอาด เบาะผ้า
เป็นเบาะที่มีราคาถูกกว่า เบาะหนัง แต่การทำความสะอาดค่อนข้างทำได้ยากกว่า แถมยังสกปรกได้ง่ายกว่า เช็ดคราบสกปรกได้ยาก รวมไปถึงยังเก็บฝุ่นได้ดีกว่าอีกด้วย แหม่! ครบสูตรความยากลำบากเลยทีเดียว ส่วนวิธีการดูแลรักษาที่สามารถทำได้ก็คือ
- ใช้แปรงสีฟันขัดในบริเวณที่มีคราบสกปรก วิธีการก็คือ พรมน้ำหน่อยตรงคราบสกปรก ใช้แปรงสีฟันขัดวนไปเรื่อยๆ หลงัจากนั้นก็ให้ใช้ทิซซู่ซับความเปียกชื้นจากคราบน้ำ และสุดท้ายก็คือการโรยแป้งเพื่อซับความชื้น
- ทำความสะอาดฝุ่นที่ฝังติดอยู่ที่เบาะด้วยเครื่องดูดฝุ่น เป็นประจำ เพื่อความสะอาด และสุขภพาอนามัยที่ดีทั้งของตัวผู้ขับขี่ รวมไปถึงผู้โดยสาร
5 เทคนิคดูแลเบาะรถยนต์ ประเภทหนัง
- ไม่ควรให้เบาะถูกแสงแดดนานๆ เพราะจะทำให้หนังกรอบได้เร็วกว่าปกติ อันเนื่องมาจากรังสีUV
- พยายามอย่าโดนน้ำหรือความชื้น เพราะหนังแท้มีคุณสมบัติซึมน้ำได้พอสมควร และที่สำคัญเมื่อหนังเกิดความชื้นจะทำให้เกิดกลิ่นอับจากแบคทีเรียที่ฝังอยู่
- ใช้น้ำยาเคลือบเบาะเท่าที่จำเป็น เพราะว่าน้ำยาจะเข้าไปฝั่งอยู่ภายในทำให้หนังนุ่มดูเหมือนใหม่ แต่เมื่อใดที่สารดังกล่าวเสื่อม จะมีความหนืดสูง ซึ่งจะทำให้หนังแข็งขึ้น ทำให้ต้องทาซ้ำใหม่บ่อย ๆ เพื่อให้กลับมานิ่มเหมือนเดิม
- เบาะหนังแท้ถ้ามีฝุ่นจับ ใช้เพียงผ้าขนหนูบิดหมาดๆเช็ด แต่ถ้าสกปรกมาก ให้ใช้สเตคลีน หรือน้ำยาทำความสะอาด หนังทำความสะอาดเป็นที่ ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เช็ดเบาะหนังแท้ทั้งหมด สุดท้ายใช้ผ้าขนหนูบิดหมาดเช็ดให้ทั่วอีกครั้ง แล้วผึ่งลมให้เบาะแห้ง
- เคล็ดไม่ลับเพียงใช้ Vaseline ทาบางๆ ก็ช่วยได้เหมือนกัน เพียงอาจจะต้องทาบ่อยๆ เพราะเคลือบแค่ชั้น ผิวนอกอาจหลุดง่าย แต่ก็ราคาถูก หาง่าย และไม่เป็นพิษเป็นภัยกับเบาะรถยนต์
เบาะรถยนต์แบบไหนดีกว่ากัน ระหว่างเบาะหนัง กับเบาะผ้า ?
เบาะประเภทหนัง คือเบาะที่ทำมาจากหนังสัตว์ชนิดต่างๆ หรือหนังเทียมที่ผลิตขึ้นมาคล้ายหนังแต่ใช้วัสดุอื่นแทนหนังแท้นั่นเอง
- หนังแท้ คือหนังที่ทำมาจากหนังสัตว์หลากหลายชนิด ที่ผ่านกระบวนการฟอกและย้อมสี หนังจึงนุ่ม ไม่มีกลิ่น มีสีสันสวยงาม ทนทานเป็นพิเศษ หนังแท้มีความยืดหยุ่นสูง จากความชุ่มชื้นของไขมันสัตว์ เมื่อมองจะให้อารมณ์หรูหรา ดูภูมิฐาน มากกว่าหนังชนิดอื่น เบาะหนังวัวมีราคาแพง แล้วแต่ว่าผู้ผลิตรถยนต์ค่ายนั้นๆจะเลือกหนังสัตว์ชนิดใด
- หนังเทียม คือหนังเทียม PVC คือหนังที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานแทนหนังแท้ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุน เพราะทำมาจากส่วนผสมของพลาสติกขึ้นมาทดแทน ทนทานกว่าไม่ขาดง่าย เมื่อนั่งหรือได้สัมผัสจะรู้สึกถึงความกระด้าง ไม่นุ่ม ถ้าหนังเสื่อมสภาพ จะแข็งมากกว่าหนังแท้แต่ความสวยงามสู้หนังแท้ไม่ได้แน่นอน
ข้อดีของเบาะหนัง คือ หรูหราดูดี มีสไตล์ ทำความสะอาดง่าย ไม่ซึมซับน้ำ ไม่ค่อยสะสมฝุ่นทำให้เราดูแลรักษาง่าย และประหยัดเวลามากขึ้น ไม่สะสมกลิ่น
ข้อเสียของเบาะหนัง คือ หนังที่หุ้มเบาะมักแตกลายงา หนังเทียม แตกง่ายยิ่งอากาศร้อนเบาะก็ยิ่งร้อนอากาศถ่ายเทไม่สะดวก นั่งทางไกลเบาะลื่นไม่ค่อยเกาะผิวสัมผัส และหนังแท้มีราคาสูง
เบาะผ้า คือเบาะที่ทำมาจากวัสดุผ้าต่างๆอาจจะเป็นผ้าสังเคราะห์หรือผ้ากำมะหยี่
ข้อดีของเบาะผ้า คือ สีสันสวยงามหลากหลาย ถ่ายเทความร้อนได้ดีเหมาะกับอากาศร้อน นั่งทางไกลสบายไม่ลื่นไหล เวลาขับจะกระชับไม่ไหลง่ายราคาถูกกว่า
ข้อเสียของเบาะผ้า คือ ดักเก็บฝุ่นและเปื้อนง่ายมักมีคราบฝัง มีความชื้นสูงกว่าเบาะหนัง หากสกปรกแล้วทำความสะอาดยาก สะสมกลิ่นอับและกลิ่นไม่พึงประสงค์
เพชรยนต์ ขาย รถยนต์มือสอง ราคาถูก คัดรถสวย คุณภาพเกรด A+ คลิก
บทส่งท้าย เบาะรถยนต์ เบาะหนัง VS เบาะผ้า
เบาะหนังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายกว่าเบาะผ้า หรือกำมะหยี่ เพราะไม่ดูดน้ำ ไม่ค่อยสะสมฝุ่นเหมือนเบาะผ้า แต่ก็เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้ไม่ต่างกัน ส่วนเบาะผ้านั้นเหมาะกับอากาศร้อนอย่างบ้านเรามากกว่าเบาะหนัง แต่ก็มีข้อเสียเรื่องความชื้น สกปรกง่าย และเก็บฝุ่น หากสกปรกแล้วก็ทำความสะอาดยาก การดูดฝุ่น หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด ถือเป็นวิธีทำความสะอาดเบาะหนัง และเบาะผ้าที่ง่ายที่สุด ถ้ารักษาความสะอาดได้อย่างสม่ำเสมอ เชื้อโรคต่างๆ ก็จะไม่มารบกวนอย่างแน่นอน
เท่านี้ทุกคนคงรู้แล้วว่าความแตกต่างของเบาะหนังและเบาะผ้าต่างกันอย่างไร ดังนั้นการเลือกใช้เบาะรถยนต์แต่ละชนิดก็ขึ้นอยู่กับเราที่เป็นคนเลือกว่าชอบแบบไหน สนใจแบบไหน ลักษณะไหนเหมาะกับการใช้งานของเรา แต่ไม่ว่าจะเลือกเบาะรถยนต์ชนิดใดก็ตาม เราควรดูแลรักษาเบาะรถยนต์ให้สะอาดให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและดูใหม่อยู่เสมอ
ค้นหารถมือสอง คัดสวยๆ เกรด A++
ลองพิมพ์ คำค้นหา เช่น วีออส | ซีวิค | วีโก้ เป็นต้น
รถมือสองคัดสวย ๆ เกรดA++